วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับหน้าอก

10 ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับหน้าอ




1) เพราะ ผิวบริเวณหน้าอก ต้องยืดขยาย มากกว่าผิวบริเวณอื่น จึงทำให้ ผิวบริเวณ หน้าอก นี้ บอบบางกว่า ผิวบริเวณอื่น ของร่างกายด้วย เราจึง ควร ถนอม และ ดูแล ผิวบริเวณหน้าอก เป็น พิเศษ เพราะ ผิวบริเวณนี้ จะแห้งง่าย แพ้ง่าย และ เหี่ยวง่าย กว่า บริเวณอื่นๆ นะคะ อย่าลืม บำรุงผิว หน้าอก ทุกๆครั้ง หลัง อาบน้ำนะคะ

2) ผู้หญิงทุก มี ขนอ่อนๆ เส้นบาง ขึ้นบริเวณ หัวนม ทั้งนั้นแหล่ะค่ะ เพียงแต่ ไม่ค่อย สังเกตุกันเอง วิธีป้องกัน ไม่ให้ ขนอ่อนๆ เส้นบางๆ หนาขึ้น แข็งขึ้น คือ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ไม่ถอน ไม่โกน ไม่ทาโลชั่น หรือ ครีมอะไร ไปโดน ขนอ่อนๆ เหล่านั้น เพราะ ถ้า มันขึ้นมาเป็น เส้นหนาๆ แข็งๆ มันจะทำให้ หน้าอก เราไม่สวยอ่ะค่ะ

3) ผู้หญิง ที่มี หน้าอก size เดียวกัน ก็ ไม่จำเป็น ว่าหน้าอก ต้องเหมือนกัน หรือ ใส่บรา size เดียวกัน นะคะ เช่น หน้าอก คัพB เหมือนกัน แต่ รูปร่างหน้าอก ไม่เหมือนกัน (ทรงเชอรี่ ทรงแอ๊ปเปิ้ล ทรงแพร์ หรือ สัปปะรด) หน้าอก ห่าง หรือ หน้าอก ชิดไม่เท่ากัน และ ขนาดรอบตัว อาจไม่เท่ากันก็ได้ ค่ะ

4) อย่าสูบบุหรี่ ค่ะ ถ้า ไม่อยาก มี หน้าอก เหี่ยวๆ หย่อนยาน ก่อนเวลา เพราะ ควันบุหรี่ จะทำร้ายหลอดเลือด บริเวณทรวงอก ทำให้ การลำเลียงสารอาหารไปบำรุงหน้าอก ทำได้ยากขึ้น สาวอมควันทั้งหลาย จึงมีหน้าอก ห่อเหี่ยว ยากแก่การแก้ไข ค่ะ

5) สำหรับ สาวๆ ที่มี ขนาดหน้าอกสมส่วน หน้าอก จะประกอบไปด้วย ไขมัน ประมาณ 4-5% ของ ร่างกายเรา ค่ะ

6) หัวนม ของเรา ยืด-หด ได้ เมื่อ เจอ อากาศหนาว-ร้อน หรือ มี อารมณ์ทางเพศ ค่ะ

7) สมัยนี้ สาวๆ มีแนวโน้ม ที่จะมี ขนาดหน้าอก ใหญ่มากขึ้น ทั้งใน ประเทศไทย อเมริกา และ ยุโรป ส่วนนึง น่าจะมาจาก การทำศัลยกรรม หน้าอก ที่แพร่หลายมากขึ้น อีกส่วนมาจาก อาหารการกิน ที่ มีแต่ เนื้อ นม ไข่ และ ฮอร์โมน เร่งโตในอาหาร ฟาร์มทั้งหลาย

แม้ว่า ตัวเลขสถิติ การผ่าตัด ทำศัลยกรรมหน้าอก จะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ ตัวเลขสถิติ คนมา ผ่าตัด เอา เต้านมเทียม ออก ก็เพิ่มขึ้น ทุกปิ ไม่แพ้กัน

9) หน้าอกห่าง หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ size ของหน้าอก แต่ อยู่ที่ บรา และ วิธีใส่บรา ของคุณมากกว่า

10) หน้าอกสาวๆ จะเริ่ม ขยายและ เติบโตขึ้น เมื่ออายุ 10 ขวบ และ จะหยุด เติบโต เมื่ออายุ 20 ปี จ้า

ออไรท์เป็นประจำสองเม็ดก่อนนอน ยกกระชับหน้าอก คืนความสาว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง


CR :: A Bogini Manus Niamsa-ard

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

ช็อกโกแลตซีส (Chocolate Cyst)มันคืออะไรกันแน่

ออไรท์ วันละ 2 เม็ดก่อนนอนช่วยดูแลสุขภาพ






ช็อกโกแลตซีส (Chocolate Cyst)มันคืออะไรกันแน่

ช็อกโกแลตซีสหมายถึง ถุงน้ำที่มีของเหลวภายใน ที่ลักษณะเหมือนช็อกโกแลต ผู้หญิงหลายคนก็เริ่มที่จะคุ้นหูกับคำว่า "ช็อกโกแลตซีส" หรือ โรคที่ทางการแพทย์เรียกว่า "เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่" (endometriosis) กันมากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็ต้องเจอใครสักคนในบรรดาเพื่อนพ้องสาวโสดเป็นโรคฮิตโรคนี้กันเยอะเหลือเกิน เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้อาจจะกระจายเกาะอยู่ตามอุ้งเชิงกราน ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนเกิดพังผืดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมีบุตรยาก นอกจากนี้ยังอาจจะแทรกตัวเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อของผนังมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน และเลือดประจำเดือนออกมากได

หรือจะอธิบายง่ายๆ อีกครั้ง ช็อกโกแลตซีส ก็คือถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่ง ซึ่งลักษณะของถุงน้ำชนิดนี้ภายในจะมีของเหลวที่คล้ายกับช็อกโกแลตเหลว ซึ่งความจริงก็คือถุงเลือด คือจะมีเลือดอยู่ในถุงนั้น เมื่อเลือดหยุดไหลน้ำก็ถูกดูดซึมกลับทำให้เลือดในถุงเข้มขึ้น และเมื่อเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ ก็กลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกเป็นถุงน้ำช็อกโกแลตไงล่ะคะ เลยเป็นที่มาของชื่อนี้ แต่ ที่แน่ๆ นะคะ กินไม่ได้ ไม่อร่อยเหมือนช็อกโกแลตจริงๆ ที่สาวๆ เราชื่นชอบหรอกครับ

สาเหตุของการเกิดถุงน้ำช็อกโกแลต
ในทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ คือแทนที่เลือดนั้นจะออกมาทางช่องคลอดหญิงเราตามปกติ อาจจะมีเลือดส่วนหนึ่งไหลย้อนกลับเข้าไปผ่านทางหลอดมดลูก แล้วก็เข้าไปในช่องท้องไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำขึ้น และเนื่องจากลักษณะเซลล์ของถุงน้ำเป็นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกอย่างหนึ่ง เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือน (คือ การที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกตัวออกมา) ถุงน้ำดังกล่าวก็จะมีเลือดออกในถุงด้วย ดังนั้น ในแต่ละเดือนที่ผ่านไปถุงน้ำก็จะมีเลือดออกเพิ่มขึ้นๆ นั่นหมายถึง ถุงน้ำก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การที่ถุงน้ำนี้จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็วถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้าๆ ในทางตรงกันข้ามถ้าร่างกายดูดซึมน้ำกลับได้ช้า ถุงน้ำก็จะโตขึ้นได้เร็วกว่าครับ

แล้วทำไมหญิงยุคใหม่เป็นโรคนี้กันมากขึ้นล่ะ
แพทย์ให้คำอธิบายเกี่ยวกับข้อสงสัยนี้ว่า ถ้าเรากลับไปดูงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตผิดที่ จะเห็นได้ว่า ถ้านำสตรีจำนวนหนึ่ง มาทำการส่องกล้องเข้าไปดูในขณะที่มีประจำเดือน ผู้หญิงเกือบทุกๆ คนในจำนวนนั้น จะมีภาวะเลือดระดูไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้อง

ทำไมบางคนเกิดอาการเป็นถุงน้ำซึ่งทำให้เกิดความเจ็บปวดแต่บางคนกลับไม่เป็น
คำตอบคือ คนไข้กลุ่มที่เป็นถุงน้ำมักจะมีปัญหาในเรื่องภูมิคุ้มกันบางอย่างบกพร่อง ซึ่งไม่สามารถจะทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เติบโตผิดที่นี้ได้ ในขณะที่ผู้หญิง ปกติทั่วไปจะมีภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญเติบโตผิดที่ได้ ส่วนที่ดูเหมือนกับว่าผู้หญิงในปัจจุบันเป็นโรคนี้กันมาก ก็เพราะความเจริญก้าวหน้าในด้านวิทยาการทางการแพทย์ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้แตกต่างกันมากกับอดีตที่ผ่านมา เพียงแต่ความเข้าใจของแพทย์เองต่อโรคนี้มีมากขึ้น ทำให้สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น ก็เลยดูเหมือนกับว่ามีคนเป็นโรคนี้กันเยอะ รวมถึงข่าวสารต่างๆ ที่กระจายไปได้เร็วขึ้น ทำให้มีการรับรู้กันมากขึ้น

แล้วทำไมถึงมักจะเป็นในผู้หญิงโสดล่ะ
ก็เพราะว่า สาเหตุจริงๆ ก็คือการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือน ดังนั้นในผู้หญิง ที่ตั้งครรภ์ หรือเคยตั้งครรภ์ ระบบประจำเดือนก็จะหยุดทำงานอย่างน้อยก็เป็นเวลา 9 เดือน และหลังจากคลอดบุตรแล้วก็ยังจะไม่มีประจำเดือนอีกกว่า 1-3 เดือน บางรายอาจจะเกือบหนึ่งปีได้ การที่ไม่มีเลือดประจำเดือนเป็นเวลานานนี้้ ก็ทำให้ถุงน้ำฝ่อตัวลงไปด้วย และถึงแม้จะคลอดบุตรแล้ว และกลับมามีประจำเดือนอีกตามปกติ ก็พบว่าส่วนมากจะไม่มีอาการปวดท้องอันเนื่องมาจากถุงน้ำช็อกโกแลตนี้

อาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นถุงน้ำช็อกโกแลตเกี่ยวกับเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่
ปวดในช่องท้อง ท้องน้อย หรืออุ้งเชิงกราน มีบุตรยาก
ปวดประจำเดือน ประจำเดือนออกมาก
อาการปวดต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะรุนแรงขึ้นขณะที่มีประจำเดือน หรือ ช่วงก่อน/ หลังมีประจำเดือน

ในรายที่เจริญที่รังไข่ อาจจะพบว่ามีก้อนในช่องท้อง จากถุงน้ำรังไข่ ที่โตขึ้นโดยไม่มีอาการแต่อย่างไรเลย
ในรายที่เป็นโรคระยะรุนแรงจะมีพังผืดเกิดขึ้นจำนวนมาก หรือท่อนำไข่ถูกทำลายไป จากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้เข้าไปเกาะหรือฝังตัวในท่อนำไข่ ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหามีบุตรยากได้

การตรวจวินิจฉัยโรค
แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยจากอาการและโดยการตรวจภายใน แพทย์อาจจะพอบอกได้ว่าผู้ป่วยมีโรคนี้หรือไม่ หากยังสงสัยแพทย์จะทำการอัลตร้าซาวนด์ ตรวจดูอวัยวะในอุ้งเชิงกรานดูครับ

โรคนี้มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
ดังที่ทราบกันแล้วว่าโรคนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นโรคที่รุนแรงหรือมีอันตรายอะไรต่อสุขภาพ ของเรา เพียงแต่จะทำให้มีอาการปวดประจำเดือนดังนั้นหากปวดไม่มากส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีรักษาตามอาการคือกินยาแก้ปวดหรือหากปวดมากแพทย์ก็จะมียาเฉพาะให้และโดยปกติถ้าคนไข้มีอาการไม่มากแพทย์จะไม่ใช้วิธีการผ่าตัดในการรักษาโรคนี้กับคนไข้ แพทย์จะผ่าตัดในกรณีที่จำเป็นเฉพาะบุคคลเท่านั้น เช่น ถุงน้ำนั้นใหญ่มากจนทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงหรือถุงน้ำไปกดอวัยวะข้างเคียงเช่น ไปกดกระเพาะปัสสาวะ แล้วทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือ กรณีที่ถุงน้ำแตกซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดท้องแบบเฉียบพลันหรือกรณีของผู้หญิง ที่มีลูกยาก จำเป็นต้องผ่าตัดเอาถุงน้ำออกเพราะการที่มีถุงน้ำอยู่จะรบกวนการตั้งครรภ์พอสมควรเพราะมันอาจจะทำให้เกิดพังผืดไปรัดทำให้หลอดมดลูกตีบหรือตันได้

ทีนี้พอพูดถึงการผ่าตัดที่ดูน่ากลัวและหลายๆคนคิดว่าคงจะเจ็บปวดมาก ซึ่งจริงๆ วิทยาการสมัยนี้ทำให้การผ่าตัดมีหลายวิธี และวิธีการที่ดีที่สุดคือการใช้กล้องเข้าไปผ่าตัด ซึ่งมีข้อดีคือ คนไข้เจ็บตัวน้อยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดในแบบที่จะต้องเปิดแผลใหญ่ๆ เพราะการใช้วิธีส่องกล้องผ่าตัดคนไข้จะมีแผลเพียงแค่รูเล็กๆขนาดรูตะเกียบ 2 รูเท่านั้น และเมื่อผ่าตัดเสร็จก็ไม่จำเป็นต้องนอนพักโรงพยาบาลหลายวันเหมือนกับการผ่าตัดธรรมดาครับ

หลังจากอ่านบทความสุขภาพ นี้แล้ว หวังว่าสาวๆ เราจะพอคลายความวิตกกังวลไปได้ว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นอันตรายอย่างที่กลัวๆ กันเลย ตลอดจนการรักษาก็ไม่ได้เจ็บตัวอะไรมากนักนัครับ
CR :: A Bogini